Saturday, April 23, 2011

Aunt Arunee Triroj

ป้าปุ๊ กับ มนดิ

มนดิของป้า

     มนดิเป็นสมญานามที่ป้าเรียกน้ำมนต์นอกเหนือจากน้ำมนต์และ มนต์ ป้าเรียกของป้าอยู่คนเดียว เรียกบ้างไม่เรียกบ้าง มนดิเป็นเด็กที่ไม่เคยผอม มีเนื้อทำให้อยากอุ้ม ตาโตแป๋ว ยิ้มตลอดเวลา ตอนรุ่นๆมีอาการที่แสดงว่าเครียดอยู่บ้างคือมีผมหงอกก่อนวัยอันควร ความเครียดเป็นต้นเหตุของโรคร้ายๆที่มองไม่เห็นมานักต่อนักแล้ว เจ้าสาเหตุนี้น่าจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้มนดิจากป้าไปเร็วเร็วเหลือเกิน

     ตอนเล็กๆเตอนที่เรียนที่สาธิตเกษตร คุณตาคุณยายจะพากันขับรถเล่นจากบ้านที่ยานนาวาไปรับมนต์ที่โรงเรียนที่บางเขน เตรียมขนมนมเนยพร้อมให้กินตอนนั่งรถกลับบ้าน คุณตามีความสุขมากที่ได้พบปะพูดคุยกับผู้ปกครองคนอื่นๆขณะที่รอรับมนต์ มนต์ตั้งใจและรักการเรียนมาก ใครมีลูกแบบนี้ก็ยิ้มภูมิใจกันทุกคน ตั้งแต่เล็กจนจบมัธยมปลายทำชื่อเสียงไว้ลายไว้ที่ร.ร.สาธิตเกษตร เป็น

     ที่ประทับใจของครอบครัวและเพื่อนๆ สอบทุนก.พ.ได้ เลือกเรียนวิชาฟิสิคส์ซึ่งน้อยคนนักจะเลือกวิชานี้ เป็นเด็กรู้คิดรู้ทำไม่มีที่ติเลย เรื่องการเรียนยกนิ้วให้ ข้อเสียก็มีบ้างแหละ ก็มนุษย์ปุถุชนนี่นา 

เรื่องเก็บข้าวของ ห้องหับอันนี้ค่อนข้างจะติดลบ เพราะมัวแต่ให้ความสำคัญกับการเรียนและการกินโดยเฉพาะของอร่อย และไอสครีม ถึงกับคิดจะมีร้านไอสครีมเป็นของตัวเอง  ทุกคนก็มองข้ามความบกพร่องไป เพราะในด้านดีนั้นเลิศเหลือเกิน

     ป้ากับแม่ไปงานรับปริญญาตรีของมนที่ดาร์ทมัธ นิวแฮมเชียร์ มนจองหอพักนักศึกษาให้เราอยู่ ใช้ห้องน้ำรวม กินอาหารที่แคนทีน ถ้าไม่ได้ไปก็ไม่ได้ประสพการณ์แบบนี้ ทริปนั้นได้ไปนิวยอร์ค ไปเที่ยวกับลุงแป๋งกับป้าแจ้ว ก่อนไปบอสตัน และนิวแฮมเชียร์ พักบ้านคริส (ผู้ประสานงานดูแลนักเรียนไทยก่อนเข้ามหาวิทยาลัย) เป็นบ้านชนบทที่เมืองวูฟสเบอ รี่ น่ารักและประทับใจกับครอบครัวความเป็นอยู่ของชาวอเมริกัน จากนั้นมนต์ก็ย้ายลงมาซานตาบาบาร่า ป้ายังหวังว่าได้วีซ่า 10 ปีครั้งนั้นน่าจะมีโอกาสไปงานรับปริญญาเอกของมนต์อีกครั้ง....แต่มันไม่สามารถเป็นจริงได้เลยเพราะมะเร็งได้พรากมนต์ไปก่อนหน้าวันรับปริญญาจะมาถึง 

      การเติบโตต่อสุ้ชีวิตด้วยตัวเอง ทำให้มนต์แกร่งและเชื่อมั่น ตั้งแต่พบก้อนซีสตอนที่มนไปพบพ่อแม่ที่อังกฤษ ป้าก็ยังไม่รู้สึกอะไร จนกระทั่งรับรู้เรื่องมะเร็งและการลุกลามที่ไม่สามารถหยุดยั้งได้ มนต์สู้กับโรคด้วยจิตใจที่เข้มแข็ง ระหว่างป่วยที่เหมือนไม่ป่วยสำหรับมนต์ ได้บินกลับมาเยี่ยมบ้านและเพื่อนๆ 1 หรือ 2 ครั้ง ครั้งสุดท้ายก่อนปลายปีที่แล้ว ยังกินเที่ยวสนุกสนาน มนต์เลือกที่จะหยุดการใช้ยาและกัมมันตรังสีกับมะเร็งเมื่อรู้ว่ามันแพร่กระจายไปจนหมดโอกาสแล้ว เลือกตัดสินใจหยุดการใช้เครื่องช่วยหายใจ  บริจาคดวงตา มนต์ทำอะไรๆที่ดีๆที่เกินจะนึกทำได้ของคนอายุ 28

     การจากไปของมนดิทำให้ป้าได้รับประสพการณ์ใหม่ ได้รับรู้ความรู้สึกของแม่ที่สูญเสีย มันเป็นความรู้สึกยากที่จะบรรยาย มนต์รู้ดีว่าป้าก็ต่อสู้ชีวิตมาเหมือนกันและไม่ค่อยเสียน้ำตาง่ายๆ  ป้าไม่เคยคิดว่าเมื่อสูญเสียลูกป้าจะเป็นอย่างไร ความรู้สึกที่เกิดขึ้น.มันลึกซึ้ง เศร้าโศก ยังไม่หยุดซะที..ถ้าเป็นเวลาปกติก็จะต้องพูดว่ารู้ว่าทุกข์ ก็วางซะ แต่เวลาทำยาก..ยาก..มาก..มากเลย

     ทุกอย่างจะเคลื่อนไปตามเวลาของมัน ป้ายังนึกเลยว่าถ้ามนต์กลับมาเมื่อวันที่ 14 เรื่องอาจจะกลับร้านกลายเป็นดีได้ไหม ได้แต่คาดหวัง เมื่อมันเป็นอดีตไปแล้ว ก็ต้องปล่อยมันไป เมื่อกายหยาบไม่เอื้อให้มนต์อยู่บนโลกใบนี้แล้ว ก็ถึงเวลาจากทั้งๆที่ยังไม่อยากจากกัน ไม่อยากจะขออะไรๆอีก เพราะเชื่อว่ากรรมที่มนต์ชดใช้ด้วยการต่อสู้กับโรคร้ายจนต้องเสียสละชีวิตในครั้งนี้ น่าจะเกินพอ

     แล้วเมื่อเทียบกับกรรมร้ายที่เคยได้ทำมาซึ่งจนเดี๋ยวนี้ก็ไม่อาจรู้ได้ว่ามันคืออะไร เมื่อผลของกรรมดีมาถึง ไม่ว่าจะอยู่ภพใดก็จะได้รับผลดีๆอยู่เองนะจ๊ะมนดิของป้า 

อรุณี ไตรโรจน์ (ป้าปุ๊) 


1 comment:

  1. อายุรุ่นเดียวกับลูกชายเลยค่ะ นักเรียนทุนเหมือนกัน แต่อยู่คนละประเทศ
    ขอให้หลานไปสู่ภพที่ดีๆยิ่งขึ้นไป

    สุวรรณี

    ReplyDelete