ลุงจำได้ว่าเมื่อน้องมนต์ยังเป็นเด็กเล็กในขณะนั้นยังพูดไม่ค่อยได้ มีโอกาสได้นั่งรถยนต์ร่วมกัน ลุงนั่งข้างหน้าพ่อน้องมนต์เป็นคนขับ ส่วนน้องมนต์กับแม่นั่งเบาะหลัง ลุงได้เหลียวไปพูดหยอกล้อกับน้องมนต์ น้องมนต์ก็พยายามปีนขึ้นที่ช่องว่างระหว่างที่นั่งเบาะด้านหน้า เหลียวดูหน้าลุงและหน้าพ่อสลับไปมา แม่เขาสังเกตุเห็นและพูดสัปหยอกขึ้นว่าน้องมนต์คงสงสัยว่าใครกันแน่ที่เป็นพ่อ เพราะหน้าคล้ายๆกัน และเมื่อยังเล็กก็มีโอกาสไปนอนที่บ้านลุงที่ย่านยาว ตะกั่วป่า เพื่อร่วมงานทอดกฐินของย่า
การจากไปของน้องมนต์ในวัยที่กำลังจะเป็นทรัพยากรบุคคลให้กับบ้านเมืองและสังคมได้ เพราะเป็นผู้ที่มีความรับผิดชอบสูง มีความอุตสาหะ วิริยะ ในการศึกษาเล่าเรียน ได้รับทุนการศึกษาเรียนจบขั้นปริญญาเอก มาด่วนจากไปก่อนเริ่มใกล้จะกลับมาทำงาน ในความรู้สึกของบรรดาญาติ ๆ เพื่อนฝูงและผู้ที่เคยรู้จักคบหากันมาไม่ว่าจะเป็นฐานะอะไร คงจะมีความรู้สึกเสียดายอาลัย อาวรณ์มากน้อยตามความใกล้ชิดเป็นธรรมดา สำหรับความรู้สึกจากใจลุงก็ตัดใจปลงไปตามหลักธรรมที่ว่า เมื่อสร้างเหตุสร้างปัจจัยมาอย่างไร แค่ใหน ชะตาชีวิตก็เป็นไปตามนั้น
ขอให้ดวงวิญญาณของน้องมนต์จงไปสู่สุคติภพ ลุงจะทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้ตามโอกาสอันควร
จากใจลุงเช่ง
No comments:
Post a Comment