จากซ้ายไปขวา: เตย โจ ตอง เพชร แป้ง น้ำมนต์
มนต์ครับ
พี่วางแผนว่าจะกลับไปเจอมนต์ในเดือนมีนาคม แต่ก็เกิดการเลื่อนกำหนดการขึ้น อย่างไรซะพี่ก็คิดว่ามนต์จะกลับเดือนเมษายน เดี๋ยวเดือนกรกฎาคมพี่ก็คงได้กลับไปพบ ตลอดเวลาที่มนต์ไม่สบายนั้นพี่ไม่ได้พบกับมนต์เลย เวลาเรากลับเมืองไทยก็มีอันคลาดเคลื่อนกันมาตลอด แต่ก็ยังได้คุยกันผ่านทางอินเตอร์เน็ตนานๆครั้ง ซึ่งนานมากจริงๆด้วยความที่เวลาที่อเมริกากับญี่ปุ่นมันกลับกันมาก บางครั้งพี่เห็นมนต์ออนไลน์อยู่พี่ก็ไม่กล้าทักเพราะกลัวว่ามนต์กำลังพักผ่อน (และอีกอย่างมนต์ก็ไม่เคยเอ่ยถึงเรื่องโรคร้ายใดๆเลย และพี่ก็รู้ว่ามนต์ไม่ต้องการทำตัวเป็นคนป่วย) พี่เสียใจจริงๆที่ไม่คิดว่ามนต์จะจากพวกพี่ๆไปเร็วเหลือเกิน ทุกอย่างเหมือนความฝันเพราะพี่ไม่เคยเห็นภาพมนต์ไม่สบายเลย เคยแต่ติดตามข่าวจากพี่ๆน้องๆและญาติๆเรา ซึ่งบอกตามตรงว่าไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ คนที่ใช้ชีวิตโลดโผนอย่างพี่ปฤณ พี่โจ พี่แป้ง น่าจะเป็นอันดับต้นๆที่ต้องไปก่อน คำถามดังในหัวพี่ตลอดว่าทำไมๆๆ ทำไมต้องเป็นมนต์ ทำไมต้องเป็นตอนนี้ ทำไมไม่ใช่คนอื่นที่ชีวิตเขาพร้อมแล้ว ทำไมต้องเป็นน้องสาวคนที่กำลังจะเริ่มต้นชีวิต กำลังจะเป็นกำลังสำคัญของครอบครัว กำลังจะเป็นคนที่จะมีชื่อเสียงระดับโลก ทำไมฟ้าช่างไม่ยุติธรรมกับมนุษย์ซะจริงๆ หรือว่าพระเจ้าไม่มีจริง คงไม่มีแน่ๆ ไม่อย่างนั้นคงจะไม่ปล่อยให้เกิดเหตุการณ์ที่ไร้ความปราณีอย่างนี้เกิดขึ้นหรอก
แต่ก็ .. ใช่สิ..อย่างที่คนในโลกที่โหดร้ายนี้ใบนี้รู้ดีว่า โลกมันไม่ยุติธรรมหรอก อย่าไปหามันเลย..มันไม่มีหรอก.. มนต์ได้ผ่านพ้นจุดนี้ไปแล้ว และคงรู้คำตอบได้ดีกว่าพี่ๆน้องๆและทุกคนว่า “ทำไม” ไว้พี่จะตามไปให้มนต์อธิบายนะว่า“ทำไม” ... ความเข้มแข็งในตัวน้องมันคงก้าวข้ามคำถามว่าทำไมไปแล้ว มนต์ดูเหมือนจะยอมรับและตั้งสติรับมือกับเหตุการณ์ต่างๆได้ดียิ่ง หากว่าความตายมีรูปร่าง น้องมนต์คงเดินยิ้มแย้มเข้าไปทักทายโดยไม่หวั่นเกรงอะไร พี่โจบอกไว้ตรงนี้เลยว่าพี่คารวะจิตใจนักสู้ของน้องสาวคนนี้จริงๆ การจากไปของมนต์ทำให้พี่รู้สึกว่าเรามีชีวิตอยู่เพื่ออะไรกันนะ..พี่ไม่รู้จริงๆ
การมีครอบครัว การมีคนรัก มันเหมือนเป็นภาพลวงตาที่หลอกลวงเราให้ยึดติดกับเวลาในโลกนี้ เหมือนกับว่า เราเป็นคนสำคัญของโลกนี้ เรามีคนที่ห่วงใย และเราห่วงใยคนอื่น..แต่ในท้ายที่สุดมันก็ไม่เหลืออะไรเลย ท้ายที่สุด...เราก็เดินจากโลกนี้อย่างเงียบๆ ..คนเดียว
การได้พบกันกับมนต์ 28 ปี นี้มันเหมือนความฝัน พี่โจไม่เคยต้องบอกคำอำลากับคนที่อายุน้อยกว่ามาก่อนเลย พี่ยังไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเราต้องมาเจอกัน เป็นพี่น้องกัน เพราะในท้ายที่สุดเราก็ต้องลาจากกัน อาลัยอาวรณ์กัน มนต์เข้ามาในชีวิตของพี่แล้วก็ออกไปจากชีวิตพี่....แล้วเวลาที่เหลือของพี่ล่ะ...คนที่ต้องไปก่อนมันน่าจะเป็นพี่ไม่ใช่เหรอ...
น้ำมนต์...พี่ขอโทษและเสียใจที่พี่ไม่ได้มีโอกาสได้คุยกับน้องเรื่องโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ รวมถึงไม่เคยได้คุยกันเรื่องหนักๆอย่างนี้ด้วย บางครั้งพี่ก็คิดว่ายังไม่ได้ทำหน้าที่ของพี่ที่ดีที่สุดกับมนต์เลย มันคงจะแก้ไขไม่ได้แล้วล่ะ หรือหากจะมีทางใดที่มนต์จะได้รับรู้ถึงความรู้สึกพี่ พี่ก็อยากจะบอกมนต์ว่า “แล้วเจอกันใหม่นะ...” ในอนาคตพี่จะเล่าเรื่องอาน้ำมนต์ยอดนักสู้+คนขยัน ให้ลูกๆพี่ฟังเป็นนิทานก่อนนอนจะได้เป็นแบบอย่างที่ดีที่ลูกพี่ควรจะเอาอย่าง เรื่องราวของอาน้ำมนต์จะได้ถูกถ่ายทอดสู่รุ่นต่อไปลูกๆหลานๆพี่ก็จะได้รู้จักอาน้ำมนต์.... และไม่ต้องห่วงนะ หลานๆบ้านเนียมสกุลมี 7 คน ก็จะยังมี 7 คนอยู่อย่างนั้น พวกเราจะไม่มีวันลืมมนต์ และจะจำรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ และจิตใจอันเข้มแข็งของมนต์ตลอดไป
แล้วพบกันใหม่นะน้องรัก
ธรรม เนียมสกุล (พี่โจ)
(พี่คนที่2 ของบ้านเนียมสกุล)
No comments:
Post a Comment