Monday, April 25, 2011

Vorrapan Chandee

ถึงน้ำมนต์

     ครั้งหนึ่งเราเคยอยากเป็นนักเขียน และเราก็ลองเขียนอะไรเล่นๆ ขึ้นมาหลายอัน แล้วน้ำมนต์ก็หนึ่งในผู้โชคร้ายที่ต้องมาอ่านงานเขียนมีสาระบ้าง ไม่มีสาระบ้างของเราทุกครั้ง แทบทุกครั้งเราจะรอว่าน้ำมนต์จะคอมเม้นท์ว่ายังไง (ก็น้ำมนต์เป็นผู้เชี่ยวชาญการอ่าน college essay ให้น้องๆ นิ)  สำหรับงานเขียนคราวนี้ น้ำมนต์รอดตัวไป ไม่ต้องมาทนอ่านเนอะ

     ครั้งแรกที่เราได้รู้จักน้ำมนต์อย่างจริงๆ จังๆ ก็ที่ Brewster เราได้เป็นรูมเมทกัน น้ำมนต์คงจะมี sense อะไรซักอย่างว่า เราคงเกาะติดน้ำมนต์ไปอีกนาน น้ำมนต์พูดกับเราตอนแรกๆ ด้วยซ้ำว่า สนิทกับเราระวังน่ะ จะโดนแกล้ง ตอนแรกเราก็ไม่คิดหรอกว่าน้ำมนต์จะแกล้งเราจริง แต่หลังจากนั้นกว่า 10 ปี น้ำมนต์ได้ทำอย่างที่เตือนเราไว้จริงๆ แต่เราก็เต็มใจให้น้ำมนต์แกล้งน่ะ ไม่เคยโกรธด้วย เพราะเวลาอยู่กับน้ำมนต์ทีไร เรามีความสุขและหัวเราะได้เสมอ 

     ตอนอยู่ Brewster เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในชีวิตช่วงหนึ่งของเรา ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเราได้น้ำมนต์เป็นรูมเมทด้วยแหละ เราเม้าท์กัน กินมาม่าด้วยกันทุกคืน อ่านหนังสือด้วยกัน (อันนี้ไม่ค่อยจะได้เรื่องเท่าไหร่ แต่มีศัพท์ SAT อยู่สองคำที่น้ำมนต์สอนให้เราจำ และ เราก็ยังจำได้ไม่เคยลืม นั่นคือคำว่า discordant and capricious)  เวลาเราเครียด น้ำมนต์ช่วยปลอบ เวลาเราไม่กล้าไปซื้อบัตรโทรศัพท์กับ Chris (เพราะไม่กล้าพูดภาษาอังกฤษ) น้ำมนต์ก็ไปซื้อให้ เวลาเราหลับคาหนังสือ น้ำมนต์ก็ดึงหนังสือไปวางไว้ข้างเตียงให้เรา และปลุกให้เราไปนอนดีๆ ถ้าวันไหนเราไม่ตื่น น้ำมนต์ก็ปลุก จนเราเรียกน้ำมนต์ว่าแม่ไปเลย

     หลังจาก Brewster แล้วเราก็ไม่เคยได้อยู่ที่เดียวกับน้ำมนต์เลย  แต่ถึงเราจะไกลจากน้ำมนต์ น้ำมนต์ก็ยังโดนเรารบกวนอยู่ดี :)  ตั้งแต่ Prep school ปีแรก จนถึง Ph.d. ปีสุดท้าย และตอนเราทำงานที่ไทย เราจำได้ว่าตอนอยู่ prep เราโทรหาน้ำมนต์ทุกอาทิตย์เลยมั้ง บัตรโทรศัพท์ส่วนใหญ่จะหมดไปในการโทรหาครอบครัวเรา กับน้ำมนต์น่ะแหละ ตอนเรียน undergrad เราเรียนรู้การใช้ icq และ msn ครั้งแรกเพื่อที่จะได้คุยกับน้ำมนต์ ตอนเรียน ปเอก ชื่อน้ำมนต์และหมายเลขโทรศัพท์ของน้ำมนต์ เป็น emergency contact ที่เราให้ไว้กับโรงเรียนด้วยซ้ำ เราได้เรียนรู้ว่า ไม่ว่าน้ำมนต์จะอยู่ที่ไหน น้ำมนต์ก็ยังทำให้คนรอบข้างใกล้ไกล มีความสุขได้เสมอ  บางทีเรามานั่งคิดนะ น้ำมนต์เก่งเนอะ เรียนก็หนัก ชีวิตส่วนตัวก็ยุ่ง ยังมีเวลาไป Take care และใส่ใจคนอื่น นิสัยสปอยล์คนเนี่ย เป็นนิสัยหลักอย่างนึงที่น้ำมนต์มี และเราก็รู้ว่าน้ำมนต์มีความสุขที่ได้ทำ  เป็นสิ่งหนึ่งที่เราเรียนรู้จากน้ำมนต์เลยน่ะ คือการมีความสุขจากการให้

     ตอนน้ำมนต์รู้ว่าตัวเองเป็นมะเร็ง และมาบอกเรา น้ำมนต์ไม่เคยคร่ำครวญหรือบ่นเรื่องนี้เลย ตรงกันข้าม น้ำมนต์เป็นห่วงเราว่าเรารู้สึกยังไง น้ำมนต์ต้องมานั่งปลอบเราด้วยซ้ำทั้งๆ ที่ควรจะเป็นเราปลอบน้ำมนต์ แถมบังคับให้เราไปตรวจสุขภาพประจำปี เพราะแม่เราเคยเป็นมะเร็งมาก่อน  น้ำมนต์ยังคงร่าเริง และทำให้คนอื่นยิ้มและหัวเราะได้เหมือนเดิม (และยังแกล้งเราเหมือนเดิม) ความเข้มแข็งของน้ำมนต์เป็นกำลังใจในการต่อสู้กับชีวิตตอนเรียน ปเอก ของเรามาก

     ขอบคุณมากน่ะที่คอยเป็นกำลังใจ เตือนสติ ฟังเราบ่น นั่งขำกับความบ๊องๆ ของเรา ให้คำปรึกษาเรา ตั้งแต่สากกระเบือยันเรือรบ (เอาเถอะแลกกับการที่น้ำมนต์แกล้งเรา ^_^)  น้ำมนต์เป็นคนที่ให้คำแนะนำได้น่าสนใจ (บางครั้งก็ง่ายจนเรานึกไม่ถึง) และเป็นผู้ฟังที่ดีมาก  เราเล่าให้น้ำมนต์ฟังแทบทุกเรื่องในชีวิตเลยมั้ง เรายังพูดกับน้ำมนต์เล่นๆ เลยว่า ถ้าโกรธกัน เราแย่แน่ ความลับทุกอย่างของเราอยู่ในกำมือน้ำมนต์ หลายๆ ครั้งพูดได้เลยว่าถ้าไม่มีน้ำมนต์ เราคงผ่านอุปสรรคในชีวิตได้ยาก ที่เราประทับใจมากคือมีอยู่ครั้งหนึ่งที่เราเลิกกับแฟน แล้วโทรไปร้องให้กับน้ำมนต์ และบอกน้ำมนต์ว่าเราอยากกอดน้ำมนต์ อาทิตย์ต่อมาน้ำมนต์มาหาเราจริงๆ มาให้เรากอด

     มีคนเคยถามเราว่า เสียดายมั้ยที่เราไม่ได้เป็นผู้แทนไปแข่งเลขโอลิมปิก (การได้เป็นผู้แทน จะทำให้เรามา summer program ช้าลงหนึ่งเดือน และคงไม่ได้เป็นรูมเมทน้ำมนต์ที่ brewster) เราบอกเค้าว่า ไม่เสียดายเลยค่ะ ถ้าย้อนกลับไปได้ เราอยากให้มันเป็นแบบเดิม เพราะเราได้รู้จักเพื่อนที่ดีที่สุดในชีวิตคือน้ำมนต์  Thank you very much my second mom! 

    คำสุดท้ายที่น้ำมนต์พูดกับเราคือ “Be Strong” เราจะเข้มแข็งให้ได้เหมือนน้ำมนต์ ไม่ต้องเป็นห่วงนะ หลับให้สบายน่ะเพื่อน




     มีอยู่ช่วงหนึ่งที่น้ำมนต์ชอบ Piglet มาก และเราก็ชอบหมี Pooh  มาก คิดๆ ดูแล้วจากขนาดตัว น้ำมนต์คงเปรียบเป็น Pooh  และ เราก็เป็น Piglet   แถมเราก็เป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน เหมือน Pooh กับ Piglet ด้วย










จาก ฝ้าย – วรพรรณ จันทร์ดี 

No comments:

Post a Comment