พี่สาวของผม
ตั้งแต่เกิดมา...ผมก็มีคนที่เรียกว่าพี่สาวอยู่หนึ่งคน...
พี่สาวของผมคนนี้...เป็นคนที่เรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบที่สุดคนหนึ่ง...
เรียนเก่ง ทำกิจกรรมมาตั้งแต่เด็กๆ เป็นที่รักของทุกคน...เรียนได้เกรด4มาตลอด12ปี...
เป็นนักเรียนดีเด่นประจำชั้นปี...
ในอีกด้านหนึ่ง...พี่สาวของผมก็เหมือนคนธรรมดาทั่วไป...
แถมออกจะขี้เกียจซะด้วยซ้ำ...
สิ่งที่ผมจำได้คือพี่สาวของผมที่นอนตื่นสาย...ตลอด...
ผมซึ่งยังเป็นเด็กตื่นเช้าก็ต้องเป็นคนไปปลุก...ตลอด...
ตอนนั้นไม่เคยเข้าใจว่าทำไม...แต่พอมาอยู่ม.ปลายก็ถึงได้เข้าใจ...
อีกอย่างหนึ่งคือ...พี่สาวของผมมักจะโทรศัพท์นานมาก...ตลอด...
จนพ่อของผมก็จะต้องไปบ่น...ตลอด...
บอกตรงๆว่าผมได้มีเวลาอยู่กับพี่สาวเรียกว่าค่อนข้างน้อย...
เพราะตอนที่ผมอายุประมาณสิบสองสิบสาม...
พี่สาวของผมก็ต้องเดินทางไปเรียนต่อที่ประเทศสหรัฐอเมริกา...โดยได้รับทุนของรัฐบาล
ผมเลยเติบโตขึ้นมาเหมือนเป็นลูกชายคนเดียวมาตลอดระยะเวลาสิบกว่าปีที่ผ่านมา...
แต่ก็ยังได้ติดต่อกันบ้าง ผ่านทางโทรศัพท์...และได้พบหน้ากันบ้าง...ปีละประมาณอาทิตย์สองอาทิตย์
ในตอนนั้น ผมยอมรับว่าผมเคยโกรธ...หรือจะเรียกว่าอย่างไรดี...
เพราะความที่พี่สาวของผมเรียนเก่งและทำกิจกรรม...
ผมซึ่งมีนามสกุลเดียวกันจึงเป็นที่รู้จักในนาม”น้องชายของมนัญยา”ไป...
และบางครั้งก็ถูกคาดหวังในความสามารถว่าจะเรียนเก่งเหมือนพี่สาว...
แต่เพราะเหตุนั้น มันเลยกลายเป็นความรู้สึกต่อต้าน...กับมาตรฐานที่ถูกตั้งไว้สูง...
รวมถึงในช่วงที่ที่บ้านผมประสบปัญหาต่างๆหลายอย่าง...
ในช่วงนั้นพี่สาวของผมอยู่ที่อเมริกา เลยไม่ต้องมาแบกรับปัญหาต่างๆอย่างที่ผมต้องรับ
นั่นทำให้ผมเคยน้อยใจ...ว่าทำไมพี่สาวผมถึงได้สบายขนาดนี้...
นั่นคือเรื่องก่อนที่จะพบ...โรคที่พี่สาวผมเรียกอย่างสั้นๆว่า”เพื่อน”
เมื่อประมาณสามปีก่อน...ตอนที่คุณยายของผมจากไป...
ไม่มั่นใจว่าหลังจากนั้นนานขนาดไหน
ในตอนนั้นพี่สาวของผมตรวจพบเนื้องอกอยู่ที่อก...
คนที่พี่สาวของผมบอกเรื่องนี้เป็นคนแรกคือผม...
ในตอนนั้นผมยอมรีบว่าผมถึงถึงกับช็อกไปเป็นอาทิตย์...
กลับบ้านไป ที่บ้านก็อยู่ในสภาพกระอักกกระอ่วนกันไปพักใหญ่...
แต่เพราะในตอนนั้นยังอยู่ในระดับที่ยังรักษาได้อยู่...ผมจึงเชื่อมั่นว่า...พี่สาวของผมจะสามารถผ่านช่วงเวลานี้ไปได้...
แล้วมันก็เป็นเช่นนั้น...
หลังจากผ่านเคมีบำบัดและการผ่าตัด...พี่สาวผมก็กลับมาเป็นเหมือนปกติ...
กำลังใจของพี่สาวผมนั้นอยู่ในระดับที่สูงกว่าคนธรรมดาทั่วไปหลายเท่านัก...
ผมมั่นใจว่าคนอื่นที่เจอแบบเดียวกัน...ไม่มีทางที่จะมานั่งยิ้มนั่งหัวเราะแบบนี้ได้...
รวมถึงกำลังใจจากเพื่อนๆทั้งคนไทยและต่างชาติมากมายที่อยู่ข้างๆพี่สาวของผม......
ถึงจะมีโรคติดตัว พี่สาวของผมก็ยังไปเรียน ไปทำงาน ไปเที่ยว ไปHiking ไปเล่นกีฬาแนวผาดโผน ไปตระเวนทานของอร่อย...เรียกได้ว่าใช้ชีวิตคุ้มและมีความสุข...มากกว่าใครหลายๆคน
นั่นทำให้ผมได้รู้ถึงการมีความสุขกับชีวิต...และกลับมาทบทวนตัวเองว่าควรที่จะมีชีวิตให้มีความสุขและทำในสิ่งที่อยากทำเพราะเราไม่รู้เลยว่าเราจะจากไปเมื่อใด...
ช่วงเวลาที่ผมได้อยู่กับพี่สาวของผมจริงๆก็คือเมื่อสองปีที่แล้ว...
เป็นการเดินทางมาอเมริกาครั้งแรกของผม...คือการมาช่วยพี่สาวของผมย้ายหอ...
นั่นเป็นครั้งแรกที่ได้อยู่ด้วยกันสองคนกับพี่สาวของผมจริงๆ...ได้คุยกันในเรื่องต่างๆได้เข้าใจในพี่สาวตัวเองมากขึ้น...
ก่อนหน้านั้นผมก็ได้คุยทั้งปรึกษาทั้งระบายเรื่องราวต่างๆกับพี่สาวของผมอยู่บ้าง...
แต่หลังจากเรื่องนี้เกิดขึ้น ทำให้ผมได้คุยกับพี่สาวมากขึ้น...
ผมตัดสินใจแล้วว่าเมื่อพี่สาวผมอยากให้คนอื่นปฏิบัติต่อตัวเขาอย่างคนปกติ...
ผมก็จะคุยกับเขาเหมือนเดิม...ก็จะคุยกัน ปรึกษากัน ระบายกันแบบพี่น้องเหมือนเดิม...
หลังจากนั้นผมก็ได้เจอพี่สาวของผมอีกครั้งตอนงานรับปริญญาของผม...
จากนั้นก็เป็นตอนต้นปีที่แล้ว...ที่ผมได้ไปอเมริกาทั้งครอบครัวครั้งแรกและครั้งสุดท้าย...
ตอนนั้นผมตัดสินใจที่จะอยู่ต่อจากกำหนดการเดิมไปอีกเกือบอาทิตย์...เพราะว่าอยากที่จะมีเวลาอยู่กับพี่สาวของผมให้มากกว่านี้...และนั่นก็ไม่ได้เป็นการตัดสินใจที่ผิด...
ผมได้ไปเที่ยวและได้ไปHikingในที่ต่างๆ ได้ใช้เวลาด้วยกันกับพี่สาว...ซึ่งไม่ได้อยู่ด้วยกันมาหลายปี...
หลังจากนั้นผมต้องเดินทางไปเรียนต่อที่ญี่ปุ่น...เวลาของผมกับพี่สาวที่เหลือจึงเป็นการคุยกันผ่านโทรศัพท์...
ซึ่งต้องยอมรับว่าถ้าไม่มีเค้า...ผมอาจจะไม่สามารถก้าวข้ามช่วงเวลาที่ลำบากในต่างแดนได้จนถึงวันนี้...
ในความจริงแล้ว...ผมเองก็อาจจะแค่อยากโตขึ้นมาโดยมีพี่สาวอยู่ทะเลาะกันหรือได้ใช้เวลาร่วมกันมากกว่านี้...
ผมพยายามที่จะหาเวลาคุยกับพี่สาวของผมเสมอเมื่อมีโอกาส...
พยายามที่จะใช้เวลากับเค้าโดยคิดไว้เสมอว่าเขาอาจจะจากผมไปได้ทุกเมื่อ...
ถ้าจะถามผมว่าผมเสียใจมั้ยที่เค้าจากไป...มันแน่นอน...
แต่ผมพยายามทำทุกอย่างเพื่อที่จะไม่ต้องมารู้สึกเสียดายที่ไม่ได้ทำ...
อาจจะมีอยู่อย่างเดียวที่ยังเหลืออยู่...คือผมอยากจะได้คุย ได้ทะเลาะ ได้อยู่ด้วยกันกับพี่สาวของผมมากกว่านี้...
ไม่ว่าพี่สาวของผมจะเป็นเพื่อนที่ดีของใคร เป็นลูกศิษย์ที่ดีของใคร เป็นอาจารย์ที่ดีของใคร เป็นรุ่นพี่ที่ดีของใคร เป็นรุ่นน้องที่ดีของใคร หรือจะเป็นลูกสาวที่ดีของพ่อแม่อย่างไร...มีอยู่สถานะเดียวที่เป็นของผมเพียงคนเดียว...
เธอเป็นพี่สาวเพียงคนเดียวของผม
และผมจะคิดถึงเธอ...
แต่เค้าได้จากไปแล้ว...และผมยังมีหน้าที่ที่จะมีชีวิตต่อ...
ผมจึงบอกได้แต่เพียงว่า...
ไว้เจอกันนะ...เจ๊...
จากน้องสุดที่เลิฟ...เพชร
ปล. พี่สาวผมมีชื่อที่เอาไว้เรียกผมอยู่...ว่าตูดลิง...หรือภาษาอังกฤษว่าMonkey Butt…
ก็ยังไม่มั่นใจเหมือนกันว่ามีที่มาจากไหน...
แต่ก็กลายเป็นชื่อที่เพื่อนของพี่สาวจะรู้จักแทนชื่อเล่นจริงไปซะแล้ว...
ผมก็ไม่ได้เกลียดชื่อนี้อะไร และก็ให้เค้าเรียกชื่อนี้ตลอดมา...
เพราะมันกลายเป็นชื่อพิเศษที่มีเค้าเพียงคนเดียวเป็นคนเรียกผมไปซะแล้ว...
ติดต่อหาผมที่ แฟนผมโอนเงินผิด อยากให้คุนช่วยโอนกลับให้ทีครับ ผมต้องรีบใช้เงินครับ
ReplyDeleteติดต่อผมที่ 0909178884
ReplyDelete